เด็กหนุ่มที่กำลังเขย่าวงการลูกหนังโลกด้วยวัยเพียง 20 ปี แต่กว่าจะมีวันนี้ เราจะไปดูกันว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง
8 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ จาดอน ซานโช / ออฟไซด์
หากจะเอ่ยถึงนักเตะที่เนื้อหอมที่สุดในช่วงซัมเมอร์ 2020 เห็นทีคงหนีไม่พ้น จาดอน ซานโช ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ที่กล้าแตกต่างด้วยการไปแจ้งเกิดกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ บนเวทีบุนเดสลีกา เยอรมัน โดยการตัดสินใจครั้งนั้นทำให้เวลานี้ค่าตัวของถูกประเมินเอาไว้ที่อย่างน้อย 100 ล้านปอนด์
ซึ่งในขณะที่ Sportpool.Online กำลังพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับเบื้องลึกเบื้องหลังของเด็กหนุ่มวัย 20 ปีรายนี้ ก็มีรายงานจากสื่ออังกฤษหลายสำนัก ระบุว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังสร้างทีมใหม่ภายใต้กุนซือหน้าทารกอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ คือสโมสรที่จ่อได้ตัว ซานโช ไปครอบครอง
โดยว่ากันว่าตอนนี้ ดอร์ทมุนด์ ตอบรับข้อเสนอ 108 ล้านปอนด์ (120 ล้านยูโร) ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการแบ่งจ่าย 3 งวด งวดแรก 63 ล้านปอนด์ / งวดที่สอง 27 ล้านปอนด์ / งวดสุดท้าย 18 ล้านปอนด์ และเหลือเพียงการเจรจาสัญญาส่วนตัวที่คาดว่าจะจรดปากกาอยู่โยงกันยาว 5 ปี เลยทีเดียว
1. ฉายแสงที่เซาธ์วาร์ค
จาดอน ซานโช เกิดและเติบโตที่เซาธ์วาร์ค ย่านชนบททางตอนใต้ของลอนดอน สถานที่อันไร้ซึ่งสนามฟุตบอลให้เด็ก ๆ ได้วิ่งไล่ตามความฝัน แต่เรื่องดังกล่าวไม่สามารถขัดขวางพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของเจ้าหนูรายนี้ได้ เมื่อตรอกซอกซอยหรือถนนหนทาง กลายเป็นแหล่งบ่มเพาะฝีเท้าชั้นเลิศ
สุดท้าย ซานโช กลายมาเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองแห่งเซาธ์วาร์ค แถมในปี 2011 ยังร่วมทีมกับ รีส เนลสัน ดาวรุ่งอาร์เซนอล ประกาศศักดาคว้าแชมป์ลอนดอน ยูธ เกม อันเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางนักเตะอาชีพ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะดาวรุ่งจากประเทศที่คลั่งไคล้ฟุตบอลอย่างอังกฤษ จะแจ้งเกิดจากการเล่นฟุตบอลข้างถนน
ซานโช กล่าวถึงเหตุการณ์ตอนนั้นว่า “หลังจากเลิกเรียน ผมก็แค่ต้องการเล่นฟุตบอล แม้รอบตัวผมจะมีแต่ผู้คนที่ทำสิ่งเลวร้าย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมไขว้เขวไปจากการเล่นฟุตบอล”
2. ออกเดินทางสู่วัตฟอร์ด
หลังจากคว้าแชมป์ร่วมกับเซาธ์วาร์ค ซานโช ในวัย 12 ขวบ ตัดสินใจก้าวเท้าออกจากอ้อมกอดของครอบครัว เพื่อเดินทางตามล่าความฝันกับอคาเดมี่ของ วัตฟอร์ด สถานที่ซึ่งทำให้เขาได้เจอกับ หลุยส์ แลนแคสเตอร์ เฮดโค้ชที่ปัจจุบันรับหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการทีมยูทาห์ โรยัลส์ สโมสรฟุตบอลหญิงในสหรัฐอเมริกา
แลนแคสเตอร์ กล่าวถึง ซานโช ว่า “ผมถามเขาว่าความฝันของนายคืออะไร? เขามองหน้าผม จ้องมาที่ตาผมอย่างเด็ดเดี่ยว พร้อมกับบอกว่าเขาต้องการเล่นให้สโมสรยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ และก้าวไปติดทีมชาติ เพื่อทำให้ครอบครัวภาคภูมิใจ”
3. วันเดอร์คิดแห่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้
เดือนมีนาคม 2015 ซานโช ในวัย 14 ขวบ ได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทุ่มเงินกว่า 500,000 ปอนด์ กระชากเขาไปจากอ้อมอก วัตฟอร์ด ซึ่งเจ้าตัวไม่ทำให้ทีมแมวมองต้องผิดหวัง เมื่อพัฒนาฝีเท้าอย่างรวดเร็ว จนกลายมาเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดของวงการลูกหนังอังกฤษ
โดยในปี 2017 ประธานสโมสรแมนฯ ซิตี้ อย่าง คัลดูน อัล-มูบารัค ถึงกับเอ่ยปากชมว่า ซานโช พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชุดใหญ่ในไม่ช้า ร่วมกับเพื่อนนักเตะในทีมเยาวชนอย่าง ฟิล โฟเด้น และ บราฮิม ดิอ๊าซ ทว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มจากเซาธ์วาร์คที่ดิ้นรนมาตลอดชีวิต รู้สึกลำพองใจแต่อย่างใด
อัล-มูบารัค กล่าวในตอนนั้นว่า “หากคุณมองไปที่จาดอน ซานโช คุณจะพบว่าเขามีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ และเป็นผู้เล่นที่มีโอกาสดีมาก ๆ ในการก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ แถมเขายังเป็นนักเตะที่ เป๊ป ชื่นชอบ หลังใช้เวลาส่วนใหญ่เฝ้าติดตามการแข่งขันในทีมอคาเดมี่ของเรา”
4. เด็กหนุ่มผู้กล้าปฏิเสธ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
สำหรับวงการฟุตบอลในยุคปัจจุบัน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือกุนซือที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งกาจที่สุดในโลก ซึ่งแน่นอนว่านักเตะร้อยทั้งร้อยล้วนแล้วแต่ต้องการร่วมงานกับเทรนเนอร์สแปนิช ยกเว้นก็แต่ ซานโช ที่เลือกปฏิเสธความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ที่ แมนฯ ซิตี้ มอบให้ แล้วกล้าที่จะออกเดินทางตามหามันด้วยตัวเอง
เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2017 คล้อยหลังจากที่ประธานสโมสร คัลดูน อัล-มูบารัค เพิ่งกล่าวยกย่อง ซานโช ไม่นาน แม้ เป๊ป จะพยายามอย่างหนักในการโน้มน้าวใจให้เจ้าตัวอยู่ต่อ พร้อมทั้งมอบโอกาสในการเดินทางไปพรีซีซั่นที่สหรัฐอเมริกาให้ แต่ท้ายที่สุดเจ้าหนูจากเซาธ์วาร์ค เลือกย้ายไปหาโอกาสลงสนามกับ ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์
ซานโช กล่าวถึงการตัดสินใจครั้งนั้นว่า “ทำไมต้องเป็นดอร์ทมุนด์? ผมคิดมาตลอดว่าดอร์ทมุนด์คือสโมสรที่ใช่สำหรับผม ทุกอย่างบ่งบอกในตัวของมันเองอยู่แล้ว พวกเขามอบโอกาสให้นักเตะดาวรุ่งเสมอ แถมยังมีแฟนบอลกว่า 80,000 คน เข้ามาให้กำลังคุณในทุกเกม มันเป็นอะไรที่บ้าบอมาก ๆ”
5. เส้นทางเดินใหม่กับตำนานหมายเลข 7
การตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลออกจากอังกฤษ ไปร่วมทัพ ดอร์ทมุนด์ ถือเป็นเรื่องที่น่ายกย่องสำหรับเด็กหนุ่มวัยเพียง 17 ปี แต่นอกเหนือจากความเชื่อมั่นที่ทาง “เสือเหลือง” มอบให้แล้ว การได้รับเสื้อหมายเลข 7 อันเป็นหนึ่งในหมายเลขตำนานของสโมสร ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจไม่น้อย
โดยในอดีตมียอดดาวเตะดอร์ทมุนด์มากมายสวมใส่หมายเลข 7 ลงสนาม ไล่ตั้งแต่ สเตฟเฟ่น ฟรอยด์, พาทริค แบร์เกอร์, สเตฟาน รอยเตอร์, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ชินจิ คางาวะ ไปจนถึง อูสมาน เดมเบเล่ ไม่เว้นแม้แต่ มิชาเอล ซอร์ค ผู้อำนวยการกีฬา “เสือเหลือง” คนปัจจุบัน ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่ได้ดิบได้ดีในเส้นทางนักเตะ
ซานโช กล่าวถึงโอกาสสานต่อตำนานหมายเลข 7 ว่า “ผมสามารถสวมเสื้อหมายเลขใดลงสนามก็ได้ แต่การได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผมเป็นอย่างมาก มันมีผลต่อการย้ายมาที่นี่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่ผมตัดสินใจปฏิเสธแมนเชสเตอร์ ซิตี้”
6. แชมป์ฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี
หลังเซ็นสัญญาย้ายจาก แมนฯ ซิตี้ ไปร่วมทัพ ดอร์ทมุนด์ ทาง ซานโช มีภารกิจสำคัญในการนำทีมชาติอังกฤษ ลงทำศึกฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ที่อินเดีย ซึ่งแน่นอนว่า “เสือเหลือง” ที่คาดหวังถึงการใช้งานนักเตะนั้นปฏิเสธที่จะปล่อยตัวไป ก่อนจะเปิดโต๊ะเจรจา และได้ข้อสรุปว่า ซานโช จะลงช่วยทีมแค่ในรอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น
ซึ่ง ซานโช กระหน่ำตาข่าย 3 ประตู ช่วยให้ อังกฤษ ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยชัยชนะ 3 นัดรวด ก่อนที่ลูกทีมของ สตีฟ คูเปอร์ จะต่อยอดด้วยการคว้าแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี สมัยแรกมาครองได้สำเร็จ โดยที่อดีตเพื่อนร่วมอคาเดมี่แมนฯ ซิตี้ อย่าง โฟเด้น คว้านักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์
7. แจ้งเกิดเต็มตัวที่บุนเดสลีกา
ฤดูกาลแรกกับ ดอร์ทมุนด์ ภายใต้กุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด เมื่อ ซานโช ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนม้านั่งสำรอง เพื่อปรับตัวเข้ากับฟุตบอลเยอรมันที่เน้นวินัยมากกว่าลีกอังกฤษที่คุ้นเคย อีกทั้งยังมีนักเตะอย่าง คริสเตียน พูลิซิช, อังเดร ชูร์เล่, อังเดร ยาร์โมเลนโก้ และ มักซิมิเลียน ฟิลิปป์ ขวางทางอยู่
กระทั่งการเข้ามาของ ลูเซียง ฟาฟร์ เทรนเนอร์ชาวสวิส ในฤดูกาล 2018/19 และการย้ายออกไปของ พูลิซิช กับ ยาร์โมเลนโก้ ทำให้ ซานโช ได้โอกาสเปล่งประกายเต็มที่ในฐานะตัวจริง เบ็ดเสร็จจนถึงเวลานี้ เจ้าหนูวัย 20 ปี ลงสนามรับใช้ ดอร์ทมุนด์ รวมทุกรายการ 99 นัด พร้อมผลงานการทำประตู 34 ลูก กับแอสซิสต์อีก 37 ครั้ง ถือเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมมาก
เท่านั้นไม่พอ ซานโช ยังทำลายสถิติมากมาย ไล่ตั้งแต่นักเตะคนแรกที่เกิดในทศวรรษ 2000s ที่ยิงได้ 2 ประตู ในเกมเดียว และนักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงได้ครบ 9 ลูก บนเวทีบุนเดสลีกา หรือจะเป็นนักเตะดอร์ทมุนด์อายุน้อยสุดที่ยิงได้อย่างน้อย 10 ประตู ใน 1 ฤดูกาล จนกลายเป็นเป้าหมายเสริมทัพของยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป
8. ความฝันที่กำลังจะกลายเป็นความจริง
หลังยึดตัวหลักของ ดอร์ทมุนด์ ในเดือนตุลาคม 2018 ทาง ซานโช ก็โดน แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษ เรียกตัวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ก่อนจะกลายมาเป็นตัวหลักในแนวรุกของ “สิงโตคำราม” ร่วมกับกลุ่มผู้เล่นยังบลัดอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, ดีคลัน ไรซ์, เบน ชิลล์เวลล์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ จอร์แดน พิคฟอร์ด
ขณะเดียวกันอย่างที่ Sportpool.Online ได้เกริ่นไว้ว่า ซานโช กำลังจะได้โอกาสย้ายกลับบ้านอีกครั้ง เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมทุ่มเงินกว่า 108 ล้านปอนด์ ในการปิดดีลนี้ แม้จะเผชิญกับภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจฟุตบอลสูญเสียรายได้นับร้อยล้ายปอนด์ก็ตาม
ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปยังบทสัมภาษณ์ของ แลนแคสเตอร์ หมายความว่า ซานโช ที่เคยระบุว่าความฝันคือการได้เล่นให้สโมสรยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ และติดทีมชาติเพื่อความภาคภูมิใจของครอบครัว กำลังจะกลายเป็นความจริงในวัยแค่ 20 ปี ที่เหลือก็ต้องมารอลุ้นว่าดีลการย้ายมายังโอลด์ แทรฟฟอร์ด จะลุล่วงสมบูรณ์ตามที่หวังของทุกฝ่ายหรือไม่
นี่คือ 8 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ จาดอน ซานโช หากท่านชื่นชอบบทความของเรา ติดตามได้ที่ Sportpool.online ข่าวฟุตบอล วงการกีฬาไทย และต่างประเทศ : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทีเด็ดบอลชุด เซียนสเต็ป